คิดๆดูก็คล้ายกับประสบการณ์นึงเมื่อตอนเด็ก ที่เคยเกิดอุบัติเหตุขี่เจ็ทสกีไปชนกับอีกคันนึง จนคู่กรณีขาแตก ถึงแม้จะโชคดีที่ฝ่ายนี้ไม่เป็นไรเลย แต่ก็เป็นเหตุให้หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เกิดการ “กลัวความเร็ว” อยู่พักนึงเหมือนกัน คือ เมื่อนั่งรถยนต์ที่ขับถึงความเร็วระดับนึง จะเกิดอาการหวิวๆ หวาดเสียวบ้าง แต่อาการที่ว่านี้ก็หายไปตามกาลเวลา จนตอนนี้กลับกลายเป็นคนขับรถเร็วเสียอีก
ก็ยังไม่รู้ว่าอาการกลัวครั้งนี้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน แต่พบว่ามันส่งผลกระทบต่อชีวิตไม่ใช่น้อย เพราะพอคิดว่า ถ้าทำอะไรฝืนสังขารแบบสุดแรง แล้วเกิดเป็นลมวูบไปตอนที่อยู่คนเดียว นี่มันก็น่ากลัวมากอยู่นะ ทำให้ตัวเองเกิดอาการหลอนนี้อยู่เรื่อยๆ อย่างพอจะเฆี่ยนตัวเองใหัออกกำลังกายหนักขึ้นอีก ก็จะเกิดความกลัวที่ว่า ถ้าหากวูบขึ้นมาในฟิตเนสคอนโดเนี่ย กว่าจะมีคนมาเจอก็คงจะนานพอดู หรือเวลาควบคุมอาหาร แต่เดิมถ้าเกิดหิวขึ้นมานิดๆหน่อยๆแต่ทานครบโควต้าไปแล้ว ก็จะปล่อยผ่านไป แต่ตอนนี้พอหิวหรือท้องโหวงๆ ก็จะกลัวเป็นลมซะอย่างนั้น
ปล. บันทึกบล็อกตอนนี้ ในขณะที่กำลังเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน อย่างประหวั่นพรั่นพรึง ด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ มึนๆงง หายใจไม่ค่อยสะดวก และสำคัญด้วยเหตุครั้งก่อนที่เกิดการเป็นลมล้มตึงดับวูบจอมืดไป ก็เกิดขึ้นที่สถานีบีทีเอสนี่เอง